การหกล้มในผู้สูงอายุ ปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม
- สราญรมย์ เนอร์สซิ่งโฮม
- 28 ส.ค.
- ยาว 1 นาที

ปัญหาการหกล้มในผู้สูงอายุ
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ปัญหาด้านสุขภาพของผู้สูงอายุถูกพูดถึงมากขึ้น หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยและสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงคือ การหกล้ม ซึ่งไม่เพียงก่อให้เกิดการบาดเจ็บทางร่างกาย เช่น กระดูกหัก เลือดออกในสมอง แต่ยังส่งผลทางจิตใจ เช่น ความกลัวในการเคลื่อนไหวหรือการสูญเสียความมั่นใจ จนทำให้ผู้สูงอายุบางรายไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตตามปกติ การหกล้มถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และในบางกรณีอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การนอนติดเตียงหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้น ครอบครัว ผู้ดูแล และ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ จึงควรให้ความสำคัญกับการป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุ

สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้สูงอายุหกล้ม
- การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และระบบประสาทมักเสื่อมลง การทรงตัวลดลง ส่งผลให้ผู้สูงอายุเดินหรือยืนได้ไม่มั่นคง 
- โรคประจำตัว โรคอย่างความดันโลหิตสูง เบาหวาน พาร์กินสัน หรือโรคหัวใจ ล้วนเพิ่มความเสี่ยงในการหกล้ม บางรายอาจมีอาการหน้ามืด วิงเวียน หรือเสียการทรงตัว 
- ผลข้างเคียงจากยา ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิตหรือยานอนหลับ อาจทำให้เวียนศีรษะ ง่วงซึม และสูญเสียสมาธิ 
- สิ่งแวดล้อมภายในบ้าน พื้นบ้านที่ลื่น พรมที่ไม่ได้ยึดติดแน่น แสงสว่างไม่เพียงพอ หรือสิ่งของกีดขวาง ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มักถูกมองข้าม 
ผลกระทบจากการหกล้ม
- บาดเจ็บทางกาย กระดูกสะโพกหัก กระดูกข้อมือหัก หรือบาดแผลฉกรรจ์ 
- ภาวะแทรกซ้อน การนอนติดเตียงจากการพักฟื้นทำให้เกิดแผลกดทับ ปอดอักเสบ หรือภาวะกล้ามเนื้อฝ่อลีบ 
- ผลกระทบทางจิตใจ ความกลัวที่จะหกล้มซ้ำ ทำให้ผู้สูงอายุไม่กล้าออกไปทำกิจกรรม ส่งผลต่อภาวะซึมเศร้าและการขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม 

แนวทางการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ
1. การเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย
- ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดินช้า ๆ โยคะสำหรับผู้สูงอายุ หรือกายบริหารเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ 
- ฝึกการทรงตัว เช่น การยืนขาเดียว การใช้ลูกบอลออกกำลังกาย 
- หากมีโรคประจำตัว ควรได้รับการดูแลจากนักกายภาพบำบัดหรือผู้เชี่ยวชาญ 
2. การปรับสิ่งแวดล้อมในบ้าน
- ติดราวจับในห้องน้ำและตามบันได 
- เลือกใช้พื้นบ้านที่ไม่ลื่น หรือปูพรมที่มีวัสดุป้องกันการลื่น 
- จัดแสงสว่างให้เพียงพอ โดยเฉพาะทางเดินและบันได 
- เก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบ ไม่กีดขวางเส้นทางเดิน 
3. การใช้เครื่องช่วยเดิน
- ใช้ไม้เท้าหรือวอล์กเกอร์สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาการทรงตัว 
- ตรวจสอบอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพดีเสมอ เพื่อความปลอดภัย 
4. การดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ
หลายครอบครัวอาจเลือกส่งผู้สูงอายุไปยังศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือสถานดูแลที่มีบุคลากรทางการแพทย์และผู้ดูแลที่มีประสบการณ์ เพื่อช่วยเฝ้าระวัง ป้องกัน และดูแลเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
บทบาทของครอบครัวและผู้ดูแล
การดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่เพียงการจัดสภาพบ้านให้ปลอดภัย แต่ยังรวมถึงการเอาใจใส่ในรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น การเลือกเสื้อผ้าและรองเท้าที่เหมาะสม การจัดยาที่ต้องรับประทานให้เป็นระบบ และการพูดคุยให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจและลดความกังวลของผู้สูงอายุ
บทสรุป
การหกล้มในผู้สูงอายุเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้ หากครอบครัว ผู้ดูแล และสังคมร่วมมือกันในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและการดูแลด้านจิตใจ จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากครอบครัวต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด การเลือกใช้บริการจาก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่มีทีมงานมืออาชีพก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มั่นใจได้




ความคิดเห็น